[KHR]XSlNeko! Neko! - [KHR]XSlNeko! Neko! นิยาย [KHR]XSlNeko! Neko! : Dek-D.com - Writer

    [KHR]XSlNeko! Neko!

    แฟนฟิคชั่นเรื่องนี้เป็น YAOI หรือ ชายรักชาย หากใครที่เปิดมาเจอแล้วไม่ชอบหรือรับไม่ได้ กรุณาปิดหน้าต่างนี้และไม่โพสต์ข้อความเพื่อสร้างความวุ่นวาย

    ผู้เข้าชมรวม

    5,289

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    5.28K

    ความคิดเห็น


    59

    คนติดตาม


    58
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  20 ก.ค. 52 / 01:15 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    กร๊ากๆๆๆๆๆๆเผาอยู่นานมากครับเรื่องนี้ อันนี้เป็นฟิคเนื่องในวันเกิดพี่มุกครับผม(//แต่ก็เลทอีกแล้ว)

    ยังไงก็ขอให้พี่มุกมีความสุขมากๆนะครับผม เป็นกำลังใจให้สู้ๆๆ!!!
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      Title : Neko!Neko!

      Auther : sey

      Rate : NC-17

      Note : อีเซย์ต๊องรับประทาน

      "ว้อยยยยยยยยยยยย!!! นี่มันอะไรกันนักกันหนาวะเนี่ย??" เสียงแหกปากที่ทุกคนคุ้นเคยเป็นอย่างดีดังกลบเสียงสกุณาในยามเช้าเสียสิ้น เรียกความสนใจจากให้พุ่งตรงมายังต้นกำเนิดเสียงอย่างช่วยไม่ได้

      "อะไรกันจ๊ะสควอโล่?" เหมือนเช่นเคยที่กะเทยร่างหนาจะเป็นคนถามขึ้นก่อนเป็นคนแรก

      "จะอะไรซะอีกเล่า?? ไอ้พวกวองโกเล่นั่นมันเห็นวาเรียเป็นโกดังรับฝากขยะรึไงกันวะ?" ร่างบางกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ เมื่อสายตามองกองสิ่งของต่างๆที่มีความสูงมากกว่าตัวเขาถึงสองเท่า ซ้ำยังเป็นสิ่งที่พูดได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่า 'อะไรก็ไม่รู้' อีกต่างหาก

      ลุซซูเรียยิ้มขำ "เอาน่าก็ตอนนี้ที่นั่นกำลังซ่อมบำรุงที่เก็บของส่วนกลางนี่นา ก็เลยเอามาฝากไว้ที่นี่ อีกไม่นานก็คงเอากลับไปแล้วล่ะ"

      ฉลามคลั่งผ่อนลมหายใจอย่างระอา พลางทำใจยอมรับกองของตรงหน้า ในขณะที่เบลกับมาม่อนกำลังสนุกกันใหญ่ เจ้าชายนักฆ่าเที่ยวรื้อหาของน่าตาแปลกๆออกมาเล่นโดยการวิ่งวนไปทั่ว ส่วนมาม่อนก็ตั้งหน้าตั้งตาหาของที่สามารถแปรรูปเป็นเงินได้

      แน่นอนว่าเขาไม่คิดจะห้ามอยู่แล้ว ...เยอะจะตายชัก หายไปไม่กี่อันใครจะสนวะ... เมื่อคิดได้ดังนั้นเขาที่กำลังว่างและไม่มีธุระก็เริ่มหันมารื้อของน่าสนใจออกมาบ้าง

      ...อ๊ะ สร้อยอันนี้ท่าทางจะเหมาะกับไอ้คุณบอสแฮะ...

      "ว่าแต่ทำไมมีสร้อยได้ล่ะเนี่ย.. ดูไม่ค่อยน่าไว้ใจเลยแฮะ" คิดได้ก็โยนกลับเข้าไป ก่อนคว้าอย่างอื่นขึ้นมาต่อ

      ...อะไรเนี่ย?? ปืนของเล่น? วองโกเล่นี่ทาทางจะบ๊องเอาการ...

      "แต่เลี้ยงไอ้คุณบอสมาได้มันก็คงไม่ค่อยปกติเท่าไหร่อยู่แล้วล่ะนะ"

      หลังจากหาไปนินทาเจ้านายตัวเองไป สควอโล่ก็คว้าขวดอะไรบางอย่างขึ้นมาจากกองของทั้งหมด มันเป็นขวดแก้วสีน้าตาลหน้าตาคล้ายเครื่องดื่มชูกำลัง มือเรียวพลิกหมุนฉลากขึ้นดู แต่ด้วยความที่มันเป็นภาษาญี่ปุ่นฉลามสมองปลาทองเช่นเขาจริงแกะอักขระอย่างยากเย็น "เน..อะไรวะ?"

      ...แต่มันอยู่ในนี้ก็คงกินได้แหละ หน้าตาก็เหมือนยาชูกำลัง แถมช่วงนี้ก็เหนื่อยๆพอดี...

      เรียกได้ว่าคิดสั้นโดยแท้เมื่อฉลามขาวตัดสินใจบิดฝาเกลียวออกก่อนกระดกของเหลวในขวดลงไปพรวดเดียว...

      ...............................................

      "กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด บอสค้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาา!!!!!!!!!!!!!" เสียงตะโกนดังขึ้นอีกครั้งในรอบวัน หากครานี้กลับมิใช่ของคนที่ทุกคนคิด หลังจากนั้นจึงแว่วเสียงวิ่งอย่างบ้าคลั่งไปตามระเบียงปราสาท ตามด้วยเสียงเคาะประตูอย่างไม่เกรงอกเกรงใจอย่างที่ชวนให้แปลกใจนักเมื่อหัวหน้าหน่วยอรุณไม่เคยเป็นเช่นนี้มาก่อน

      บานประตูเปิดผัวะ เจ้าของห้องยื่นหน้าออกมาด้วยแววตาที่ใครดูก็รู้ว่าหงุดหงิด "เป็นบ้าอะไรไอ้กระเทยสวะ??"

      "ไม่ใช่ลุซซี่ค่าบอส!! สควอโล่! สควอโล่!" เสียงหอบแฮ่กด้วยวิ่งมาสุดฝีเท้า ซ้ำประโยคที่ควรรู้เรื่องกลับฟังไม่รู้เรื่องให้นภายิ่งขมวดคิ้วหนัก

      "ไอ้ฉลามสวะเป็นอะไร?"

      "แฮ่กๆๆ ไม่ใช่ฉลามแล้วค่า!!"

      "อะไรของแกไม่รู้เรื่องว้อย!"

      "ไม่ได้เป็นฉลามแล้ว.."

      "ไอ้สวะนั่นไม่เป็นฉลามแล้วมันจะเป็นอะไร???"

      เมี้ยว!...

      เสียงร้องเล็กๆดังขึ้นขัดบทสนทนา แม้ผืนนภายังไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันแทบเป็นปม "หา? ..อุ๊บ!" ยังไม่ทันได้อ้าปากถามก้อนอะไรบ้างอย่างก็โปะลงเต็มหน้าเขา

      มือหยาบใหญ่เอื้อมขึ้นมาคว้าสิ่งที่เกาะอยู่บนหน้าของเขาออก แต่สิ่งที่เห็นมันยิ่งทำให้เขาต้องขมวดคิ้วหนักขึ้นอีก "แมว?"

      "เมี้ยว!" ก้อนในมือร้องตอบอย่างอารมณ์ดี

      แซนซัสจ้องสิ่งมีชีวิตในมือต่ออีกพักหนึ่ง มันเป็นแมวสีเงินรูปร่างปราดเปรียว ดวงตาสีฟ้าจางที่เหมือนของฉลามสวะของเขาไม่มีผิดเพี้ยน นัยน์ตาสีเพลิงตวัดไปมองคนที่นำเจ้าแมวตัวนี้มาหาเขาในทันที "อธิบายมาซิ..."

      กะเทยควายขนลุกซู่ "ไม่ใช่ความผิดลุซซี่นะคะบอส!! สควอจังต่างหาก! อยู่ดีๆก็ดื่มไอ้นี่เข้าไป แล้วอยู่ดีๆพอหันไปหา สควอจังก็กลายเป็นแมวไปซะแล้วค่ะ!!!" ลุซซูเรียว่าพลางยกเจ้าขวดต้นเหตุนั้นขึ้นโชว์ ซึ่งร่างสูงก็รีบคว้ามันมาอย่างไม่รอช้า ก่อนพลิกฉลากขึ้นอ่าน

      "เนโกะ..เนโกะ.. แมวงั้นเหรอ?" แทนคำตอบของคำถามนั้นเจ้าแมวในมือก็ร้องขึ้นอีกครั้งอย่างอารมณ์ดี "ต่อสายไปวองโกเล่เดี๋ยวนี้!!!!"

      เพียงไม่ถึงนาทีหลังเสียงสั่งกร้าวโทรศัพท์ก็ถูกต่อถึงผู้เป็นหัวหน้าใหญ่แห่งวองโกเล่

      "นี่มันหมายความว่าไงกันหะไอ้แก่??! ไอ้ฉลามหัวเน่านั่นมันกินยาบ้าอะไรเข้าไปทำไมถึงได้กลายเป็นแมว?"

      แว่วเสียงหัวเราะเบาๆของปลายสาย "พ่อจะไปรู้ได้ยังไงกันล่ะแซนซัส?"

      ร่างสูงขบฟันแน่น "มันก็อยู่ในไอ้กองของที่พวกแกขนมานั่นแหละ!! ไปเรียกไอ้คนทำมาอธิบายเดี๋ยวนี้!"

      ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงสั่งการจากปากรุ่นที่เก้าดังขึ้น กินเวลาไม่นานก่อนที่นักประดิษฐ์ตัวยุ่งจะปรากฏตัวขึ้นที่ปลายสาย "จางนีนิครับผม"

      "แกทำยาอะไรขึ้นมาวะ?? ไอ้ฉลามบ้านี่มันถึงได้กลายเป็นแมว!!!" มือหนาคว้าเจ้าแมวตัวยุ่งที่เที่ยวปืนไปทั่วตัวเขา

      "เอ๋? แมว?" จางนีนิทวนคำอย่างงงๆ ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงร่าเริง "อ๋อ!! นึกออกแล้วครับ อ้าว?มันติดไปกับกองนั้นได้ยังไงกันนะ มิน่าผมถึงหาในห้องทดลองไม่เจอ"

      แซนซัสทุบโต๊ะดังสนั่น "อย่ามาเล่นลิ้น! ยาแก้อยู่ไหน?!"

      "ยาแก้?? มันจะไปมีได้ยังไงกันล่ะครับ?"

      "หา?"

      "ก็ผมบอกแล้วว่ามันหายไปจากห้องทดลอง ยานั่นกินเข้าไปแล้วจะเกิดอะไรขึ้นผมยังไม่รู้เลยครับ ชื่อก็เห็นว่ามันน่ารักดีเลยตั้งไปแบบนั้น ไม่คิดเลยว่าคุณสควอโล่จะกลายเป็นแมวขึ้นมาได้ ฮะๆๆๆๆๆ..."

      หมดความอดทนนภาสีดำกระแทกหูโทรศัพท์ลงโครมใหญ่ แล้วทรุดตัวลงนั่นบนเก้าอี้ มือใหญ่ถูกยกขึ้นกุมขมับ นัยน์ตาสีชาดเบือนมองเจ้าตัวยุ่งที่ตอนนี้เที่ยวงับๆดึงๆสายโทรศัพท์อยู่บนโต๊ะทำงาน "เดี๋ยวก็ขาดกันพอดี.." เสียงทุ้มต่ำกล่าวเรียบก่อนเอื้อมมือไปอุ้มแมวสีเงินขึ้นพิจารณา

      ดวงตากลมโตสีฟ้าใสสบเข้ากับดวงตาของเขาอย่างไม่เกรงกลัว เสียงเล็กๆครางรับเบาๆเมื่อนิ้วของชายหนุ่มสะกิดลูบที่ใบหูเรื่อยไปจนถึงคาง เจ้าแมวสีเงินแลบลิ้นบางเล็กออกก่อนเลียจมูกผู้ที่เป็นดั่งเจ้าชีวิตอย่างไร้เดียงสา เรียกรอยยิ้มจางๆจากร่างสูง

      ...ยังไงก็คงต้องเลี้ยงไว้ทั้งแบบนี้สินะ...

      ...............................................

      ก๊อกๆๆ, "บอสค้า~ ได้เวลาอาหารเย็นแล้วค่า" เสียงเรียกที่ดังขึ้นฉุกกระชากห้วงความคิดของหัวหน้าแห่งวาเรียให้กลับสู่ความเป็นจริง ดวงตาสีแดงเพลิงเบือนกลับไปมองแมวสีเงิน ก่อนจะยื่นมือออก "มานี่สิ..ไปกินข้าวกัน"

      "เหมียว~" เจ้าแมวน้อยตอบรับ ก่อนกระโดดผ่านแขนของร่างสูงขึ้นไปยืนอยู่บนไหล่กว้าง ก่อนใช้ดวงหน้าเล็กๆซุกไซร้เข้ากับเรือนผมสีดำที่เต็มไปด้วยกลิ่นไอแดด

      เหมือนปกติที่ชายหนุ่มนั่งลงบนที่นั่งประจำตามด้วยเจ้าแมวเหมียวที่กระโดดขึ้นบนโต๊ะซึ่งไม่ห่างไปจากร่างสูงเสียเท่าไหร่

      "ชิชิชิชิชิ เจ้าชายอิจฉาบอสจัง สควอโล่ติดบอสอยู่คนเดียวเลย" เสียงหัวเราะแซวดังมาจากเจ้าชายนักฆ่า

      "นั่นสิแต่แบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะ" เด็กต้องสาปว่า ก่อนจะหยิบกล้องโพลารอยด์ขึ้นถ่ายภาพรอยยิ้มของร่างสูงที่แทบไม่เคยมีใครได้เห็นนอกจากเจ้าแมวที่เฝ้าคลอเคลีย "ตั้งแต่สควอโล่เป็นแมวนี่ทำเงินกับบอสได้มากขึ้นโ..โอ๊ย!!"

      ยังไม่ทันจบประโยคดีเจ้าแมวที่ถูกพาดพิงก็พุ่งเข้าข่วนคนพูดเต็มที่ ก่อนจะตบกล้องในมือเล็กๆคู่นั้นให้หลุดกระเด็นลงพื้น พร้อมทั้งคาบรูปถ่ายใบนั้นออกมาให้เจ้านายของตน

      "หึๆๆ ดีมากสควอโล่" แว่วเสียงหัวเราะเบาๆดังมาจากริมฝีปากของผืนนภา มือหยาบลูบหัวที่ถูกปกคลุมด้วยเส้นขนสีเงิน

      "ขี้โกงๆๆๆๆ ทำไมบอสไม่เห็นยิ้มให้เจ๊แบบนั้นบ้างเลย!" ลุซซูเรียมองภาพตรงหน้าด้วยดวงตาร้อนผ่าว ผ้าเช็ดหน้าติดระบายสีชมพูถูกกัดจนยืดยาน

      ร่างสูงและเจ้าแมวเหมียวรู้สึกขนลุกขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ สควอโล่กระโดดเข้าไปหลบหลังคนตัวโตในขณะที่นภาสีดำได้แต่ผ่อนลมหายใจ "อย่ามาเพ้อให้มากนักไอ้กะเทยสวะ"

      "กรี๊ด แต่บอสขาโหดๆแบบนี้เจ๊ก็ชอบนะคะ!!" หัวหน้าหน่วยอรุณทำหน้าแช่มชื่นขึ้นมาทันตา ให้ร่างสูงยิ่งขนลุกมากกว่าเดิม

      นายเหนือแห่งวาเรียลุกพรวดขึ้นจากโต๊ะ "ฉันกลับห้องล่ะ" ร่างสูงใหญ่เดินจากไปแทบจะในทันที โดยไม่ลืมที่จะหยิบนมกล่องไปให้เจ้าแมวตัวยุ่งของเขา

      กินเวลาผ่านไปกว่าสัปดาห์ที่ทุกคนในปราสาทได้พบเห็นภาพประหลาดอย่างที่ไม่เคยคิดฝันว่าจะได้เห็น ทั้งการที่บอสแห่งวาเรียคอยดูแลเจ้าแมวสีเงินตัวสวย ทั้งการที่บอสของพวกเขาแย้มรอยยิ้มเวลาที่เจ้าแมวตัวนั้นคอยป่วนและปีนป่ายไปทั่ว

      หากไม่มีใครได้รู้เลยว่าแท้จริงแล้วผืนนภาคิดเช่นไร

      แม้เจ้าแมวตัวน้อยจะน่าเอ็นดูเพียงไร หากเทียบไม่ได้กับเมื่อยามเป็นมนุษย์

      ...นานเหลือเกินแล้วที่ไม่มีเสียงโวยวายที่อยากได้ยิน...

      ...นานเหลือเกินแล้วที่ไม่ได้เห็นแววตาหยิ่งทระนงที่เขาชอบ

      ...นานเหลือเกินแล้วที่ไม่ได้จับต้องผิวกายนวลมือที่เขาหลงใหล

      ...นานเท่าไรแล้วนะที่เขาไม่ได้ครอบครองและช่วงชิงคนที่เขารักเอาไว้แต่เพียงผู้เดียว...

      เจ้าตัวเล็กเอียงคอมองคนตรงหน้า ไม่ว่าดวงตาสีเลือดนั้นจะถ่ายทอดความเศร้าออกมาหรือไม่แต่แมวน้อยก็ส่งเสียงร้องเบาๆราวต้องการปลอบขวัญ ก่อนจะถูใบหน้าของตนเข้ากับฝ่ามือของร่างสูงอย่างออดอ้อน

      "หึ แกจะรู้อะไรบ้างรึเปล่านะไอ้ฉลามโง่..." ผืนนภาแค่นรอยยิ้ม

      ...มันจะรู้บ้างหรือเปล่าว่ามันทำเขาแทบคลั่งเจียนตาย...

      อดีตฉลามคลั่งได้แต่เอียงคอมองคล้ายไม่เข้าใจ เรียกเสียงหัวเราะเบาๆจากชายหนุ่ม

      ...ยังไม่ทันถึงสองอาทิตย์เขาก็ทรมานแทบบ้าแล้ว ไม่เคยเลยสักครั้งที่ตัวเขาต้องอดทนรอสิ่งใดมานานขนาดนี้ ซ้ำร้ายนี่ยังเป็นการรอคอยอย่างไม่มีจุดมุ่งหมายอีกด้วย

      หากฉลามคลั่งไม่มีวันได้กลับมาแหวกว่ายภายใต้ผืนนภาเล่า? ตัวเขาจะทำเช่นไร?

      หากไม่ได้เห็นรอยยิ้มหรือได้ยินเสียงครวญครางจากริมฝีปากแสนบอบบางนั่นอีกเล่า?...

      ...ตัวเขาจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้เช่นไร?...

      "ฉันจะทนรอแกไปได้อีกนานแค่ไหนนะ?" เพียงยังไม่ครบสองอาทิตย์ดีเขายังทรมานแทบตาย หากต้องรอไปถึงเมื่อไรไม่รู้.. หากเป็นนิรันดร์กาลเล่า? มันคงจะต้องเป็นิรันดร์กาลที่ทรมานที่สุดแน่...

      "กลับมาซักทีสิไอ้ฉลามโง่.." มือใหญ่อุ้มแมวตรงหน้าขึ้นมอง

      "กลับมาหาฉันซักที" เสียงเอ่ยแฝงรอยปวดร้าวยิ่งกว่าคราใด ริมฝีปากได้รูปกดจุมพิตลงบนเนินหน้าผากของแมวในมือ

      ...กลับมาเป็นเพียงฉลามของฉันเสียที...

      พลันสิ่งที่ร่างสูงไม่ได้คาดฝันมากที่สุดก็บังเกิดขึ้น ร่างของแมวในมือเรืองแสงสีเงินขึ้นจางๆก่อนนภาสีดำจะรู้สึกได้ถึงน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นในมือของเขา รูปร่างของแมวตัวน้อยกำลังเปลี่ยนไป เมื่อแสงจางลงสิ่งที่ปรากฏอยู่บนหน้าตักของหัวหน้าแห่งวาเรียก็คือ...

      ...เด็กชายอายุราวๆสิบปีที่มีใบหน้าเหมือนลูกน้องตัวดีของเขาย่อส่วนลงมาไม่ผิดเพี้ยน จะต่างไปก็ตรงเด็กน้อยในอุ้งมือของเขามีหูและหางของแมวซึ่งขยับและแกว่งไกวได้จริงๆ

      "ไอ้ฉลามโง่?" เขาลองเรียกเด็กชายที่ไร้ซึ่งอาภรณ์ใด ใบหน้านวลใสนั้นจึงค่อยๆหันกลับมา รอยยิ้มบริสุทธิ์ไร้เดียงสาถูกระบายบนริมฝีปากนุ่ม

      "มิ้ว" เสียงตอบรับที่เล่นเอาชายหนุ่มต้องเบิกตาโพลง เมื่อคนตรงหน้านั้นมีเพียงร่างกายเท่านั้นที่เป็นมนุษย์ หากนิสัยและการกระทำยังคงเป็นดั่งแมวตัวน้อย

      ...คิดสิ เมื่อกี้ทำอะไรนะ ไอ้สวะถึงได้กลับมาเป็นคน...

      "กลับมาหาฉันซักที" ร่างสูงพูดประโยคเดิมซ้ำอีกครั้งหากไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลง ...ทำไมกันล่ะ?...

      ห้วงความคิดหมุนรี่เพื่อค้นหาคำตอบ ..เมื่อกี้นี้เขาจูบไอ้สวะนี่สินะ?...

      แซนซัสจูบเบาๆที่ริมฝีปากบางหากยังคงไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลง เด็กน้อยยังคงมองใบหน้าเขาอย่างงงๆด้วยดวงตาไร้เดียงสาคู่นั้น ...หรือว่าจะเบาเกินไปกันนะ?...

      แม้จะเป็นห้วงความคิดที่ผุดขึ้นมาเล่นๆแต่ร่างสูงก็รั้งร่างบอบบางเข้าแนบชิดเสียแล้ว

      "เมี้ยว!" ยินเสียงร้องแหลมเล็กอย่างตกใจของแมวสีเงิน ดวงหน้าอ่อนเยาว์ถูกชายหนุ่มรั้งขึ้นมอบจุมพิตหนักหน่วง เรียวลิ้นอุ่นกวาดแทรกลิ้มลองความหอมหวานจากริมฝีปากเล็กๆ กระทั่งมือขาวเรียวนั้นทุบแผ่นอกของเขาอย่างบ้าคลั่งเพื่อร้องขออากาศนั่นแหละ เขาจึงได้ผละริมฝีปากออกอย่างอ้อยอิ่ง

      ร่างเล็กหอบหายใจหนักฟุบใบหน้าลงกับแผ่นอกแข็งแรง เป็นไปตามที่ร่างสูงได้คาดเอาไว้ ร่างในอ้อมแขนเรืองแสงขึ้นอีกครา สิ่งที่ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขาในครานี้ก็คือฉลามคลั่งที่เขาเฝ้ารอ หากหูและหางนั้นกลับยังคงไม่ยอมหายไป ดวงตาสีฟ้าใสเบือนไปรอบๆก่อนหยุดลงที่ดวงหน้าของคนที่เขาใช้แทนเก้าอี้ ใบหน้านวลใสนั้นก็พลันแดงซ่านขึ้นมา

      ร่างโปร่งดิ้นขลุกขลักเพื่อให้หลุดออกจากวงแขนที่กอดรัด แต่จากท่านั่งที่เป็นอยู่กลับทำให้ร่างที่ดิ้นไม่เลิกล้มหงายหลัง หากร่างกายที่มักทำตามสัญชาตญาณก่อนเสมอนั้นกลับสั่งให้กายบางผวาเข้ากอดคนตรงหน้าเอาไว้แน่น

      "เมี้ยว!! เมี้ยว? เมี้ยวๆๆ!" เสียงที่ควรจะเป็นเสียงตวาดแหว นั้นกลับกลายเป็นเสียงที่ฟังดูตกใจสลับกับความงงงวย ท่าทางและอาการที่ปรากฏนั้นทำให้ผืนนภามั่นใจว่านิสัยของฉลามคลั่งจะต้องกลับมาด้วยแล้วอย่างแน่นอน

      "...เหลือแค่ยังพูดไม่ได้สินะ" ร่างสูงกระชับเอวสอบเพรียวให้เบียดแนบเข้ากับร่างของเขา แนวสันจมูกซบลงกับใบหูของแมวในอุ้งมือ "แต่ก็ไม่เป็นไร"

      "มิ้ว.." เสียงครางเบาๆดังขึ้นเมื่อร่างสูงงับใบหูนั้นเบาๆ ไหล่มนห่อขึ้นอย่างเสียวกระสัน ดวงหน้าแดงซ่านนั้นซบลงบนไหล่หนา มือเรียวจิกขยุ้มเสื้อเชิ้ตของร่างสูง

      "แค่นี้ก็มากเกินพอแล้ว..." ลมร้อนรินรดใบหูไวสัมผัส ริมฝีปากตึงแน่นระบายรอยยิ้มพึงใจ มือหยาบสัมผัสร่างเปลือยเปล่าอย่างกระโหยหา ใบหน้าคมสันเลื่อนกลับมามองดวงหน้าที่แสนคิดถึง "คิดว่าแกจะไม่กลับมาแล้วซะอีก"

      "เหมียว?" เสียงออกอุทานคล้ายงุนงงในสิ่งที่ได้ยิน แววตาวาวเรือสบเข้าไปในดวงตาสีแดงชาด หากดวงหน้าแดงซ่านกลับถูกรั้งลงมาให้รับจุมพิตดื่มด่ำจากผืนนภา สัมผัสหอมหวานนั้นชวนให้ลุ่มหลงจนเจ้าแมวสีเงินแทบถอนตัวไม่ขึ้นได้แต่เบียดกายเข้าแนบชิดเพื่อร้องขอความอบอุ่นจากมือหยาบหนาคู่นั้น

      แซนซัสใช้มือข้างขวาบดขยี้ยอดอกสีชมพูให้มันค่อยแข็งชัน ในขณะที่มืออีกข้างไต่เลื้อยลงสัมผัสสะโพกกลมกลึง เรียกเสียงครวญครางอย่างทรมานในลำคอ เรียวลิ้นมากประสบการณ์ตรงเข้ากวาดรับสัมผัสจากลิ้นสีชมพูอ่อนนุ่ม กระหวัดดึงให้พิรุณที่พร้อมโอนอ่อนคล้อยตามง่ายดาย

      สัญลักษณ์แห่งความปรารถนาค่อยๆตื่นตัวจนกระทบเข้ากับหน้าท้องแข็งแรง ให้ดวงหน้ายิ่งแดงซ่านมากขึ้นอย่างอับอาย หากกลับไม่สามารถปฏิเสธสัมผัสจากริมฝีปากเร่าร้อนคู่นี้ได้เลย

      ...นานจนเกือบลืมไปเสียแล้วว่าร่างกายนี้เย้ายวนและชวนให้ลุ่มหลงมากเพียงไร...

      ยิ่งกายโปร่งบางขยับเข้าแนบชิดกับเขามากเท่าไหร่ ความต้องการก็ยิ่งปะทุมากขึ้นราวเขื่อนที่เจียนแตกทะลัก ซ้ำมือที่ป่ายไปโดนโคนหางของแมวสีเงินนั้นยังทำให้ร่างโปร่งเพรียวสะดุ้งเฮือก ริมฝีปากที่รับจุมพิตจากเขาผละออกอย่างอดรนทนไม่ไหว เสียงร้องที่ราวกับลูกแมวนันคล้ายต้องการอ้อนวอนขอความเมตตาจากเขาซึ่งยังคงแกล้งลูบโคนหางเล่นซ้ำๆ พร้อมแนบจุมพิตเข้ากับใบหูที่ตกลู่

      ...ยิ่งได้ลองสัมผัสยิ่งยากเหลือเกินที่ผืนนภาจะสามารถถอนตัวได้...

      มือที่เขี่ยเย้ายอดอกเล็กเลื่อนเข้ากอบกุมส่วนตื่นตัวของร่างโปร่ง ก่อนเริ่มขยับทีละนิดเหมือนต้องการคาดคั้นบางสิ่งจากร่างที่เขาตระกองกอด

      "...ม.เหมียว..ฮึก..เหมี.ย..ว.." สควอโล่ระบายลมหายใจหอบกระเส่า สติที่มีคล้ายพร้อมที่จะพร่าเลือนอยู่ตลอดเวลา เขารู้สึกสับสนงุนงง ไม่มีสิ่งใดที่เขาจำได้เลยสักอย่างเดียวหลังจากที่ดื่มยาขวดนั้นเข้าปาก รู้สึกเหมือนเพิ่งหลับไปตื่นหนึ่งเท่านั้น แต่เมื่อรู้สึกตัวอีกทีเขากับนั่งคร่อมอยู่บนตักของชายที่เป็นดั่งเจ้าชีวิตในสภาพเปลือยเปล่าเสียแล้ว ซ้ำอวัยวะที่ไม่ควรจะมีอยู่บนตัวเขาอย่างหูและหางแมวดันงอกออกมาได้อย่างไรก็ไม่รู้ และที่แย่ไปกว่านั้นก็คือ ...ทำไมเขาต้องร้องเสียงแมวอยู่ตลอดเวลาด้วยล่ะ??...

      เป็นที่แน่นอนว่าร่างที่สูงกว่าไม่ได้รับรู้ความคิดของเขาเลยแม้แต่น้อย มีแต่จะเพิ่มสัมผัสเพื่อกระตุ้นเขาให้หมดหนทางต่อต้าน

      ...ซึ่งมันมักจะสำเร็จทุกครั้งไป...

      เพียงไม่นานแก่นกายที่ถูกกอบกุมก็เริ่มหลั่งของเหลวใสออกมา ให้นภาสีดำแย้มรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ "เปียกไปหมดแล้ว.. แกนี่ความรู้สึกไวดีจริงๆ.." ริมฝีปากที่ขยับไหวกดจุมพิตเข้าที่ปลายคางของร่างอ่อนระทวย ก่อนจับร่างเปลือยเปล่าตอนแผ่ลงกับโต๊ะทำงาน

      "แต่อย่าคิดว่าแค่นี้จะสาสมกับการที่ฉันอดทนรอมากว่าอาทิตย์หรอกนะไอ้ฉลามโง่..."

      ฉลามโง่เบิกตากว้างเมื่อร่างสูงกระชากเนคไทออก พร้อมทั้งปลดกระดุมเสื้อจนหมด เปิดเผยแผ่นอกกำยำต่อหน้าเขา

      ...หนึ่งอาทิตย์??? อะไรกันน่ะ?...

      ยังไม่ทันจะได้อ้าปากหรือเอ่ยอะไร เรียวขาสองข้างก็ถูกจับแยกออกห่าง ก่อนที่ความแข็งขืนจะบุกรุกเข้ามาในตัวเขาจนสุดกาย ดวงตาสุกสกาวเบิกโพลง ริมฝีปากอ้าออกคล้ายกรีดร้องหากกลับไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมา ช่องทางที่ไม่ได้รับแม้การเตรียมพร้อมนั้นบีบรัดเข้ามาแน่นจนร่างที่ทาบทับต้องครางในลำคอ

      หยาดน้ำใสรื้นขึ้นเอ่อคลอเต็มดวงตา "มิ้ว..." แมวสีเงินเผลอก้มดวงหน้าหลบโดยไม่รู้ตัว มือเรียวจิกเข้ากับต้นแขนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามนั้นอย่างต้องการระบายความเจ็บปวดที่เผชิญ ยินเสียงกระซิบแนบใบหูที่ลู่ตก "นี่เป็นโทษทัณฑ์ของแกที่หายหัวไปเป็นอาทิตย์"

      คนฟังได้แต่ส่ายหน้ารับ พยายามกักกั้นทั้งน้ำตาและเสียงร้องครางไม่ให้ร่างสูงได้รับรู้ แต่เมื่อร่างแกร่งเริ่มขยับเสียงร้องครางก็หลุดออกมาอย่างช่วยไม่ได้ "ฮึก...เมี้ยว. เมี้ยว..."

      "นี่เป็นโทษที่แกทำให้ฉันไม่เป็นอันกินอันนอน..."

      ริมฝีปากได้รูปขบลงบนผิวสีน้ำนมจนเกิดเป็นรอยจ้ำสีแดงไปทั่วบริเวณ "นี่เป็นโทษที่แกทำให้ฉันต้องเป็นห่วงถึงขนาดนี้..."

      "แง้ว..ม..เมี้ยว.."

      การขยับโยกถูกเร่งจังหวะให้ถี่กระชั้นมากยิ่งขึ้น มือหยาบใหญ่รูดรั้งความปรารถนาของหยาดพิรุณโหมกระพือความต้องการให้กับแมวตัวสวยอย่างที่ไม่อาจดับมอด

      "นี่เป็นโทษที่แกทำให้ฉันทรมานจนเจียนคลั่งแบบนี้..."

      ผู้ถูกกระทำกรีดร้องอย่างไม่อาจหักห้าม มือเรียวทั้งสองข้างพยายามผลักไสคนที่ยัดเยียดความปรารถนาให้เขาอย่างไม่รู้จักจบสิ้น

      "และนี่เป็นโทษที่แก..." ร่างสูงเอ่ยเชื่องช้า เลื่อนใบหน้าขึ้นจนอยู่ในระดับเดียวกันกับใบหน้าแดงซ่านของพิรุณใต้อาณัติ "...ทำให้ฉันหลงรักจนโงหัวไม่ขึ้นขนาดนี้..." ริมฝีปากคมแนบประทับหยุดตรึงทั้งเสียงครางและอนุสติที่หลงเหลือ จุมพิตที่อ่อนหวานเร่าร้อนจนร่างบางแทบร้องไห้

      มือที่เคยใช้ผลักไสเลื่อนขึ้นโอบรอบลำคอแข็งแรงกอดรั้งเอาไว้ไม่ให้คนบนกายผละใบหน้าออก เรียวลิ้นเล็กกระหวัดตอบรับคนที่ไล่ต้อนเขา ขาเพรียวยาวเสียดสีเข้ากับสะโพกสอบของชายหนุ่มอย่างออดอ้อน

      รอยยิ้มจางๆระบายอยู่บนใบหน้าเพียงชั่วแว่บ พร้อมด้วยเสียงเอ่ยเบาๆที่ทำให้ใบหน้าที่แดงอยู่แล้วร้อนจนแทบไหม้ "ยั่วกันซะขนาดนี้ยังจะคิดให้ฉันหลงแกไปถึงไหนอีก?..."

      ...นิรันดร์กาลยังไงล่ะ...

      หากสิ่งที่คิดเอาไว้กลับไม่อาจเอื้อนเอ่ยออกไปได้ กลีบปากอ่อนนุ่มจึงทำได้เพียงส่งเสียงครางรับเบาๆ"เมี้ยว.."

      ยิ่งใกล้ถึงจุดสูงสุดแห่งอารมณ์มากเท่าไหร่การขยับโยกนั้นก็ดูจะรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น ร่างเปลือยเปล่าปิดสะท้านอยู่บนโต๊ะไม้อย่างทรมานเมื่อสัมผัสจากมือหยาบที่ด้านหน้าเร่งเร้าอย่างรุนแรง ไปพร้อมๆกับการบุกรุกทางด้านหลัง ริมฝีปากบางได้แต่ครวญกระเส่าอย่างลืมอาย "อึ๊ก..เมี้ย.ว.. เมี้ยว..." เล็บคมที่ฝังอยู่บนต้นแขนของชายหนุ่มเรียกหยาดเลือดออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ หากการกระทำนั้นกลับไม่ได้ทำให้ผืนนภาหยุดชะงักได้เลยแม้แต่น้อย

      "เมี้ยว!" สควอโล่อุทานอย่างตกใจเมื่อความแข็งขืนในช่องทางบุกรุกเข้ามาจนถึงจุดที่ลึกที่สุด หยดน้ำนมขุ่นขาวถูกปลดปล่อยออกมาจนเต็มฝ่ามือของร่างเบื้องบน ในขณะที่หลักฐานแห่งอารมณ์ของคนคนนั้นก็ซัดสาดเข้ามาภายในช่องทางจนเต็มตื้น


      "อ๊ะ..ฮึก.. ซ..แซนซัส..เอ๊ะ?" ร่างเพรียวบางเอ่ยเรียกเจ้าชีวิตด้วยเสียงหอบพร่า ...เสียงของเขากลับมาแล้วงั้นเหรอ?...

      เจ้าของชื่อแย้มรอยยิ้มบางๆ "พูดได้ซักทีนะไอ้ฉลามโง่.." ร่างสูงว่าก่อนจุมพิตเบาๆลงบนกลุ่มผมสีเงิน "..แต่ดูเหมือนหูกับหางจะยังอยู่นะ"

      "เอ๊ะ??" มือเรียวยกขึ้นสำรวจร่างกาย สิ่งที่ค้นพบก็คือคนตรงหน้าไม่ได้โกหกเขา "ล..แล้วจะทำยังไงดีล่ะ?"

      รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ถูกระบายลงบนใบหน้าหล่อคมในทันที "ฉันว่าฉันรู้นะว่าต้องทำยังไง..."

      ...............................................

      เหตุการณ์ที่สควอโล่กลับคืนสู่ร่างเดิมแพร่สะพัดไปทั่วปราสาทอย่างรวดเร็ว บ้างก็ดีใจ บ้างก็รู้สึกว่าอยากให้เป็นแมวต่อไปอีกซักนิด แต่คนที่ดีใจที่สุดก็ดูจะเป็นผืนนภานั่นแหละ

      นับจากวันที่เขาทำให้สควอโล่กลับคืนร่างเดิม เขาก็ไม่ยอมปล่อยให้พิรุณตัวยุ่งของเขาห่างสายตาเลยแม้แต่น้อย ซ้ำยังสั่งให้คนเอากองของที่เป็นต้นเหตุของเรื่องวุ่นวายทั้งหมดกลับไปวองโกเล่ในทันที เพราะเป็นห่วงว่าใครบางคนจะซนจนทำให้เกิดเรื่องขึ้นมาอีก

      "ว่าแต่... สควอโล่กลับคืนร่างเดิมได้ยังไงน่ะ? ชิชิชิชิ" เจ้าชายนักฆ่าถามคำถามที่ทุกคนสงสัยได้อย่างตรงเป้า ให้คนในหัวข้อสำลักพรวด

      "เพราะฉัน.." แซนซัสอ้าปากจะตอบหากฉลามคลั่งกลับพุ่งเข้าปิดปากคนที่นั่งอยู่ด้านข้างในทันที แต่แล้ว...

      "ฮ่าๆๆๆๆๆ!! ยังไม่มีใครรู้เรื่องราวในคืนนั้นของบอสกับสควอโล่สินะ! แต่ไม่เป็นไรท่านมาม่อนคนนี้มีคำตอบ..." เสียงหัวเราะของเด็กต้องสาปที่กระโดดขึ้นยืนบนโต๊ะดังก้องไปทั่วห้องอาหาร กลายเป็นจุดสนใจได้ในพริบตาเดียว มือเล็กๆชูวีดีโอขึ้น "สนนราคาเพียงม้วนละหมื่นยูโรเท่านั้น!!!"

      "เฮ้ย!!!!" ร่างบางร้องขึ้นอย่างตกใจใบหน้าหวานแดงซ่านไปหมด มือกลติดปลายดาบอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ร่างโปร่งเพรียวจะออกวิ่งไล่หัวหน้าสายหมอกที่สอดรู้สอดเห็นเรื่องชาวบ้าน ในขณะที่คนในกระทู้อีกคนนั่งจิบกาแฟรับอรุณอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว โดยไม่ได้รับรู้เลยแม้แต่น้อยว่าคนที่จะขึ้นเป็นหัวข่าวลือก็คือตน ไม่ว่าจะเป็น...

      ...บอสใหญ่แห่งวาเรียสารภาพรักสุดเร่าร้อน!!...

      ...การประกาศตัวคนรักที่โรแมนติกที่สุดของบอส!...

      หรือแม้กระทั่ง...นภาแห่งวาเรียลวนลามแมวและเด็ก 10 ขวบ...

      จนกระทั่งมันกลายเป็น ...แม้แต่แมวบอสยังเอา!!!!...

      ...และแล้วเรื่องราววุ่นวายก็ยังคงดำเนินต่อไปตามปกติในเขตแดนแห่งวาเรีย...

      -*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*


      Ctrl+A

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×